ถาดปลูกผักไฮโดรโปนิกส์
การปลูกผักไฮโดรโปนิกส์นอกจากจะต้องคำนึงถึงพื้นที่เพาะปลูกและชนิดพืชที่ต้องการปลูกแล้ว อุปกรณ์สำคัญในการปลูกผักสลัดอย่างถาดปลูกผักไฮโดรโปนิกส์เองก็นับเป็นหนึ่งในตัวช่วยสำคัญที่ทำให้ผักเจริญเติบโตได้ดี ตลอดจนป้องกันการสะสมความชื้นและการเกิดโรคพืช ทำให้ได้ผลผลิตที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลดีต่อระบบการเกษตรหลากหลายรูปแบบ
Civic Agrotech ผู้นำด้านนวัตกรรมการเกษตรแบบครบวงจรและผู้จัดจำหน่ายอุปกรณ์การเกษตรแก่เกษตรกรมืออาชีพ ตลอดจนมือใหม่ ในการเพาะปลูกพืชระบบปิดและระบบเปิด ไม่ว่าจะเป็นถาดปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ชุดปลูกผักไฮโดรโปนิกส์คุณภาพดี ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยควบคุมสภาวะการเพาะปลูกตั้งแต่ในถาดเพาะกล้าไฮโดรโปนิกส์จนได้ผลผลิตตามที่ต้องการ
-
฿38,000.00
-
Original price was: ฿11,600.00.฿9,000.00Current price is: ฿9,000.00.
-
Original price was: ฿11,600.00.฿9,000.00Current price is: ฿9,000.00.
-
Original price was: ฿3,500.00.฿3,000.00Current price is: ฿3,000.00.
-
Original price was: ฿1,800.00.฿1,600.00Current price is: ฿1,600.00.
-
Original price was: ฿3,500.00.฿3,000.00Current price is: ฿3,000.00.
ถาดปลูกผักไฮโดรโปนิกส์คืออะไร ใช้ในขั้นตอนไหนบ้าง
ถาดปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ (Hydroponic Tray) คือ อุปกรณ์ที่นิยมใช้ในการปลูกผักแบบไม่ใช้ดิน โดยจะใช้เพียงแค่น้ำและฟองน้ำสำหรับเพาะเมล็ดพืชปลูกลงในถาด เพื่อให้พืชได้รับสารอาหารกับน้ำที่ต้องการโดยตรงผ่านราก ซึ่งตัวถาดทำจากวัสดุไร้สารอันตราย รวมถึงทนทานต่อการใช้งาน สามารถรองรับน้ำหนักในการเพาะปลูกผักสลัดระบบต่าง ๆ นอกเหนือจากการปลูกผักในถาดเพาะแล้ว อุปกรณ์ดังกล่าวยังสามารถใช้เป็นถาดรองปลูกพืชสำหรับระบายน้ำที่ถ่ายออกมาจากถาดปลูกได้อีกด้วย
ข้อดีของถาดปลูกผักไฮโดรโปนิกส์
การใช้ถาดปลูกผักไฮโดรโปนิกส์เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่สามารถนำมาปรับใช้กับการปลูกพืชระบบปิดหรือ Plant Factory ที่ใช้ระบบแสงเทียม โรงเรือนพลาสติก รวมถึงการปลูกผักระบบเปิดสำหรับใช้เป็นถาดรองเพาะปลูกพืช เพื่อช่วยระบายน้ำไม่ให้เกิดน้ำขังในถาดปลูกจนทำให้เกิดเชื้อราในพืชหรือรากพืชเน่า โดยถาดปลูกดังกล่าวทำจากวัสดุที่แข็งแรง สามารถรองรับน้ำหนักได้ค่อนข้างมาก มีอายุการใช้งาน 2-3 ปีขึ้นไป ขึ้นอยู่กับการใช้งาน รูปแบบการเพาะปลูก และวิธีดูแลรักษา ทั้งนี้ ถาดเพาะผักไฮโดรโปนิกส์ทำจากวัสดุที่ไม่มีสารอันตรายปนเปื้อน ทำให้มั่นใจว่าจะได้รับผลผลิตที่สะอาด ปลอดภัยต่อผู้บริโภค
แนะนำระบบปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ยอดนิยม
ระบบปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ที่นิยมในประเทศไทย สามารถแบ่งย่อยได้หลายระบบ ซึ่งมีความแตกต่างกันตามโครงสร้างหรือรูปแบบการเพาะปลูก ทั้งนี้ หลังจากเพาะเมล็ดพันธุ์ในถาดปลูกผักไฮโดรโปนิกส์แล้ว จึงจะย้ายต้นกล้าจากถาดปลูกผักสลัดมาปลูกในระบบต่าง ๆ ดังนี้
- ปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ระบบ NFT เป็นระบบการปลูกที่รากจะต้องสัมผัสกับสารละลายที่ไหลผ่านในระดับความลึก 1-3 มิลลิเมตร โดยสารละลายนี้จะถูกหมุนเวียนอยู่ในระบบ เพื่อนำกลับมาเลี้ยงพืชซ้ำจนกว่าจะถึงเวลาเก็บเกี่ยว
- ปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ระบบ DFT เป็นระบบการปลูกที่รากจะแช่อยู่ในสารละลายที่ลึกประมาณ 3-5 เซนติเมตร โดยสามารถเพาะปลูกบนแผ่นโฟม รางเพาะปลูก หรือถาดเพาะก็ได้เช่นกัน
- ปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ระบบ DRFT เป็นระบบการปลูกที่รากจะแช่อยู่ในสารละลายที่ลึกประมาณ 3-5 เซนติเมตร 3-5 เซนติเมตรเช่นเดียวกับระบบ DFT แต่จะมีการเติมออกซิเจนในน้ำให้พืชด้วย
ปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ระบบ Ebb and Flow เป็นระบบการปลูกแบบ “น้ำขึ้นน้ำลง” ซึ่งออกแบบให้รากถูกแช่อยู่ในสารละลายช่วงหนึ่ง จากนั้นจะระบายน้ำออก และวนกลับมาแช่ใหม่เป็นรอบ ๆ ตลอดทั้งกระบวนการ ทำให้การปลูกผักระบบนี้ต้องมีการตั้งเวลาเพื่อควบคุมการจ่ายน้ำอย่างเหมาะสม
ถาดปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ควรเลือกอย่างไรให้เหมาะสม
ถาดปลูกผักไฮโดรโปนิกส์มีให้เลือกหลากหลายขนาด ผู้ที่สนใจปลูกผักไฮโดรโปนิกส์จึงควรเลือกถาดเพาะปลูกให้เหมาะสมกับพืชที่ต้องการปลูก ขนาดถาดมีความใกล้เคียงกับขนาดของฟองน้ำสำหรับเพาะเมล็ด เพื่อให้ฟองน้ำสามารถแช่ตัวอยู่ในถาดได้พอดี ที่สำคัญไม่ควรปล่อยให้มีช่องว่างระหว่างขอบถาดกับฟองน้ำมากเกินไป เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาตะไคร่น้ำ
นอกจากนี้ ความสูงของขอบถาดเพาะไฮโดรก็เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องพิจารณาเช่นกัน โดยถาดเพาะปลูกที่ดีควรมีความสูงพอดีกับความหนาของฟองน้ำ เพราะหากเลือกถาดปลูกผักไฮโดรที่มีขอบสูงมากเกินไป อาจทำให้ขอบถาดปลูกพืชบดบังการรับแสงแดดของเมล็ดพันธุ์ ซึ่งส่งผลการเจริญเติบโตของพืชในระยะยาวได้